ผลการค้นหา
พบ 6 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- The Oriental Blue Moment
SARRAN คือแบรนด์เครื่องประดับไทยที่ออกแบบโดย โค๊ชเอก–ศรัณญ อยู่คงดี ซึ่งมีเอกลักษณ์ในการนำเสนอ “ความเป็นไทย” ผ่านงานศิลปะร่วมสมัยอย่างงดงาม โดยเฉพาะผลงานที่เป็นที่รู้จักจากการร่วมงานกับ LISA ทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกับ SARRAN ย่อมมาพร้อมความสนุก ความสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจใหม่เสมอ ย้อนไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา SARRAN ได้ชวน WARRASRUANG มาร่วมสร้างสรรค์ Craft Mask กับผ้าไหม Jim Thompson จนเกิดเป็นผลงาน “The Mask” ที่สะท้อนความประณีตและพลังของงานคราฟต์ไทยในแบบร่วมสมัย วันนี้ ในงานเปิดตัวคอลเลกชัน “Oriental Blue” ของ SARRAN เราจึงได้มีโอกาสพบกับ The Mask อีกครั้ง —ภูมิใจกับผลงานที่ผสานความงามของของผ้าไหมไทยกับศิลปะงานปั้น ประติมากรรมหน้ากาก ของเรา
- Art for Art เชื่อมสัมพันธ์ใจด้วยศิลปะจากดอกไม้
ดอกไม้คือความงามที่เบ่งบานและเชื่อมโยงความรู้สึกผูกพัน ดอกไม้จึงเป็นคล้ายตัวแทนของความสัมพันธ์เกาะเกี่ยวหัวใจได้อย่างไร้พรมแดน โครงการ Art For Art ชวนมาชื่นชมความสุข ความงาม ผ่านงานศิลปะการออกแบบดอกไม้จากหลากหลายศิลปินนานาประเทศ โดยมอบรายได้เพื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กระเบื้องเคลือบลายไทย เช่น ดอกไม้ หงส์มังกร คือจุดเด่นอันงดงามของการออกแบบร่วมสมัยไทยจีนในวัดวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร Warrasruang นักออกแบบ ประดิษฐ์ประติมากรรมจึงจัดงาน Art For Art ชักชวนเพื่อนๆศิลปิน ใช้ดอกไม้สื่อสารแรงบันดาลใจและความงามผ่านงานศิลปะแขนงต่างๆ โดยศิลปิน 10 คน อาทิ Tope Abulude บอลลูนอาร์ทิสต์ประเทศอังกฤษ , Kristin Donner นักออกแบบจากสหรัฐอเมริกา Kim Woo Young นักออกแบบและนักวาดภาพประกอบประเทศเกาหลีใต้ , Rie Hosokai , Masako Nomura , Emi Jingu บอลลูนอาร์ทิสต์ประเทศญี่ปุ่น , Stone Chang บอลลูนอาร์ทิสต์จากไต้หวัน และ คุณอรุษ ตันตสิรินทร์ ศิลปินผู้สร้างสรรค์แบรนด์คาแรคเตอร์ Warbie Yama , ลลิดา ธนานุประดิษฐ์ นักออกแบบคาแรคเตอร์ “Mr.Bear and Hiis Cutie Cat” ศิลปินจากประเทศไทย งานศิลปะนานาชาติจากดอกไม้ทั้ง10ชิ้นนี้ จะนำมาสร้างสรรค์ในศิลปะรูปแบบต่างๆ ในระหว่างเดือนสิงหาคม – ตุลาคม 2565 Art for Art งานศิลปะเพื่อสืบสานศิลปะวัฒนธรรมนี้จัดโดยกองทุนพุทธรักษา มูลนิธิดั่งพ่อสอน ทั้งนี้ มูลนิธิฯจะได้ส่งมอบเงินแด่วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่3 แห่งราชวงศ์จักรี ในเดือนตุลาคม 2565 เพื่อนำไปบูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อประโยชน์ภายหน้าต่อไป
- นิทรรศการ THE MUTUAL FRIENDS
Let's make new friendships, share stories and old memories from a much loved past together in 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝘂𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗙𝗿𝗶𝗲𝗻𝗱𝘀. 𝗘𝘅𝗵𝗶𝗯𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗯𝘆 𝗩𝗶𝗽𝘂𝘁 𝗔. X 𝗕𝗮𝗹𝗹𝗼𝗼𝗻 𝗔𝗿𝘁. มาทำความรู้จักมิตรภาพใหม่ และนึกถึงเรื่องราวความทรงจำไปด้วยกัน ในงาน “𝗧𝗵𝗲 𝗠𝘂𝘁𝘂𝗮𝗹 𝗙𝗿𝗶𝗲𝗻𝗱𝘀. 𝗘𝘅𝗵𝗶𝗯𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗯𝘆 𝗩𝗶𝗽𝘂𝘁 𝗔. X 𝗕𝗮𝗹𝗹𝗼𝗼𝗻 𝗔𝗿𝘁.” This exhibition of line drawings and colors retells stories about friendships that have transpired throughout the artist’s life, and how his perceptions of these serendipitous meetings have inspired him, with the old town of Charoen Krung Road being the starting point for these precious memories and friendships. This popular and historical road, known for its long history and fame as being the oldest road in Thailand is also a prominent location for showcasing numerous artworks, with The Mutual Friends Exhibition being the latest significant addition. It is presented through the combined talents of Warrasruang S.(Worasuang Samathaphan), an Inflatable Sculpture Artist from Balloon Art and Viput A., whose most precious memories of friendship are retold through his unique use of shapes, colors and lines. นิทรรศการภาพวาดลายเส้นและสีสัน ที่จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์และการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวของศิลปิน โดยหยิบเอาแรงบันดาลใจที่เป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำและมิตรภาพมาจากย่านเมืองเก่าอย่าง ‘ถนนเจริญกรุง’ ซึ่งถือเป็นสถานที่ยอดฮิตที่มีประวัติอันยาวนาน และเป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นยอดนิยมในการนำเสนอผลงานศิลปะมากมาย รวมถึงในการจัดงานครั้งนี้ด้วย มาใช้ในการสื่อความหมายด้วยรูปทรง สี และลายเส้น ตามแนวคิดของผู้สร้างสรรค์ พร้อมโชว์ผลงานศิลปะบนบอลลูน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการร่วมมือกันของ Viput A. และ Warrasruang S. (วรสรวง สมัตถพันธุ์) ศิลปินด้านประติมากรรมเป่าลม แห่ง Balloon Art ท่ามกลางบรรยากาศและการตกแต่งด้วยงานศิลปะในรูปแบบ wall art บนผนังกระจกใส บริเวณพื้นที่ด้านหน้าอาคารจัดแสดงงาน เน้นสีสันและความสนุก 7 Apr ’22 - 8 May ’22 (TUE - SUN 10 AM - 6 PM) Central: The Original Store, Level 3📍1266 Charoen Krung Road 7 เม.ย. 65 - 8 พ.ค. 65 (อังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 18.00 น.) ณ เซ็นทรัล: ดิ ออริจินัล สโตร์ ชั้น 3 📍1266 ถนนเจริญกรุง เข้าชมได้ฟรี #Warrasruang #TheMutualFriends #ViputAxBalloonArt #CentralTheOriginalStore
- พระอุโบสถและยักษา
บอลลูนพระอุโบสถวางลวดลายกระจกแก้ว ปรานีตละเอียดอ่อน ที่ถูกปกปักษ์โดย 2 ยักษา หน้าซุ้มประตู ที่ผลิตขึ้นเพื่อนำไปจัดแสดงในงาน the NRA Show เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ความพิเศษของการออกแบบ ไม่เพียงแค่ส่งมอบความงดงามวิจิตรของศิลปะวัฒนะธรรมไทย แต่ยังถูกออกแบบให้สามารถขนย้ายได้ด้วยกระเป๋าเดินทางเพียง 2ใบ ทำให้สามารถนำไปติดตั้งและจัดแสดงที่ไหนในโลกได้อย่างง่ายดาย Thailand Pavilion It is a balloon replica of a high temple surrounded by a glass wall and Todsakan, the Ten-Faced Giant King. It will be used to decorate the Thai Pavilion in the NRA Show in Chicago, USA. It is entirely made of printed balloons without any infrastructures. It can be folded into a smaller size, which makes it portable and reusable as needed.
- The wonderful of World Balloon Convention 2012
นับเป็นความภูมิใจอย่างมาก กับการทำงานร่วมกับทีมระดับโลก"รางวัล Grand Gala Designer และผลงานที่ออกแบบ" ของ บอลลูนอาร์ท เมื่อครั้งเข้าร่วมงาน World Balloon Convention (WBC) 2012 เทศกาลแห่งความสุข ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันแล้ว......ทำให้ย้อนเวลาแห่งความสุขเมื่อปี 2011-2012 ภาพงานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการได้ถูกสร้างขึ้นจริงจากการได้เข้าร่วมการประกวดการออกแบบงาน Grand Gala ใน WBC 2012 Dallas USA ดีใจที่สุดเมื่อได้รับ อีเมล์ ในวันที่ 20/12/2011December 20, 2011 Congratulations! You have been selected as the winner of the WBC 2012 Party Design Competition for the Grand Gala! As the winner, you’ll be designing the WBC 2012 Grand Gala and in return will receive: - Air transportation to and from WBC 2012 - Complete registration for WBC 2012 - Lodging for the duration of the event The WBC Grand Gala will feature: 1. Entrance/foyer 2. Stage/backdrop, including sides of the stage and video screens 3. Ceiling treatments (ceiling height: 17 feet) 4. Room perimeter/focal point decor 5. Special effects 6. Photo backdrops นับเป็นความภูมิใจอย่างมาก กับการทำงานร่วมกับทีมระดับโลก ในการเข้าร่วมการแข่งขันนั้น Warrasruang ได้ทุ่มเทความสามารถ เวลาเพื่อ ออกแบบงานตกแต่งปารตี้หรูหรา เพื่อสะกดผู้คนที่มาร่วมงานนับ 1000 คน ให้อยู่ในบรรยากาศของความสุข ความสำเร็จ และความมีชีวิตชีวา โดยออกแบบทั้งหมด 6 ส่วนงานตั้งแต่ 1.ทางเข้า Reception 2. ส่วนของเวที ทั้งฉากเวที รวมไปถึง ตกแต่ง วิดีโอสกรีน 3. ตกแต่งเพดานทั้งห้องจัดเลี้ยง 4. ผนังทั้งห้องให้มีจุดเด่น 5. ทำspecial effect 6. Photo Backdrop เราได้รับเกียรติอย่างมาก ในการเข้าประชุมสายกับทีมงานที่มีความสามารถ หลายต่อหลายครั้ง ในปี 2011 จนถึงวันที่ต้องเดินทาง 2012 ได้ ไปร่วมทำงานกับทีมมืออาชีพ จากชั่วโมงงานอันยาวนานจนกระทั่งสำเร็จ ไม่มีวันลืมมิตรภาพที่อบอุ่นที่สร้างร่วมกันในจุดหนึ่งของการเดินทางของชีวิตเรา ภาพยังติดตาตรึงใจ เสมอมา Thank you Qualatex, WBC2012, WBC Team, Goo Soo Chin and Nico Tan, Takarakosan, Hiromi Tsujimoto and all Japanese friends, Stone Chang Chao Fu & Taiwanese, Chinese, Hong Kong, Malaysian, Singapore friends, USA, UK Mexicans and all
- นักประดิษฐ์ประติมากรรม
วรสรวง นักประดิษฐ์ประติมากรรม กับ Balloon Art ตำนานผู้ส่งมอบความสุขผ่านจินตนาการไร้ขีดจำกัด ความสุขเป็นเรื่องนามธรรม แม้ว่ามองไม่เห็นหากดำรงอยู่จริง จะดีแค่ไหนถ้าการงานแห่งชีวิตของเราได้หล่อเลี้ยงความสุขแก่ตน ทั้งยังแบ่งปันสุขนั้นแก่ผู้คนรอบข้างอย่างไม่มีวันสิ้นสุด Balloon Art เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ธุรกิจลูกโป่งมายาวนานนับ 30 ปี มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อสร้างสุข ส่งรอยยิ้ม และพลังความรักทั้งมวลจากผู้ให้สู่ผู้รับ ช่างเป็นการเคลื่อนโลกที่ทำให้หัวใจอิ่มเต็มและเป็นสุขยิ่งนัก วรสรวง สมัตถพันธุ์นักประดิษฐ์ประติมากรรม และ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ (Creative Director) แห่ง Balloon Art เป็นหนึ่งคนสำคัญเบื้องหลังที่ร่วมสรรค์สร้างภาพความสุขความทรงจำให้กับผู้คนตลอดเวลาที่ผ่านมา จากชายหนุ่มที่เติบโตเรียนรู้มาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ โชคชะตานำพาให้เขาได้มาร่วมก่อร่างสร้างธุรกิจสร้างสรรค์ลูกโป่งที่เขายืนยันเสมอว่า “ไม่ใช่ธุรกิจมุ้งมิ้งหวานๆ” อย่างที่ใครเข้าใจ ปรุงศิลปะจากลูกโป่ง ในอดีตลูกโป่งอาจเป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบทำหน้าที่ได้เพียงสร้างบรรยากาศได้เพียงเล็กน้อย แต่ตลอดเวลาของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ผ่านจินตนาการ สำหรับบอลลูนอาร์ตแล้วลูกโป่งเป็นได้มากกว่านั้นเยอะ โดยเฉพาะการสร้างงานศิลปะสุดอลังการอย่าง “ประติมากรรมลูกโป่ง” (balloon sculpture) ที่สร้างสรรค์ความว่างเปล่าให้กลายเป็นเรื่องราวของจินตนาการ ชนิดที่ว่าปรากฏโฉมเมื่อใดก็สร้างความตื่นตาตื่นใจและตื่นตะลึงได้ทุกครั้ง ถือเป็นศาสตร์ของการผสมผสานทักษะความเป็นศิลปินและวิศวกรเข้าด้วยกันอย่างหมดจดงดงาม “เวลาที่พูดว่าลูกโป่ง เราหมายถึงลูกโป่งที่ทำจากยางพารา ขยายตัวได้ตั้งแต่ลูกเล็กไปถึงลูกใหญ่ จับแล้วนุ่ม อัดลมเข้าไปได้ตั้งแต่หกสิบเปอร์เซ็นต์ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บอลลูนเป็นวัสดุที่ทำจากพลาสติค พีวีซี หรือผ้าเนื้อพิเศษ จำเป็นต้องเป่าลมเข้าไปร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้นดังนั้นความเป็นลูกโป่งจึงยืดหยุ่นได้มากกว่า มีลูกเล็กลูกใหญ่ หลากไซส์หลายขนาด สร้างtexture สร้างสีสันได้ เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ ตามความต้องการ การทำงานศิลปะจากลูกโป่งเหมือนการปรุงอาหารสด ๆ ที่เราเป่ากันทีละลูกแล้วประกอบสร้างสรรค์ขึ้นมาตามรายละเอียดที่ออกแบบเอาไว้ “หลักการทำประติมากรรมลูกโป่งคือการมีโครงสร้างข้างในกับลูกโป่งที่ตกแต่งข้างนอก ก่อนหน้านี้ ผมทำงานวิศวกร เคยมีคำถามในใจเหมือนกันว่าถ้าไม่ทำงานด้านนี้แล้วจะเป็นยังไง เจ้านายผมเคยบอกว่าความเป็นวิศวะไม่ได้แปลว่าต้องทำงานเครื่องจักรเท่านั้น เราสามารถใช้แนวคิดด้านวิศวกรรมในการสร้างสรรค์งานออกมาได้ คำพูดนี้มันอยู่ในใจเรามาตลอดและปลดพันธนาการบางอย่างออกไปได้มากเหลือเกิน แนวคิดของวิศวกรรมช่วยให้เราคำนึงเรื่อง input-output เราทำอะไรได้บ้างในทรัพยากรที่จำกัด ทั้งคน โครงสร้าง งบประมาณของลูกค้า แล้วยังช่วยเรื่องวิธีคิดการมองสิ่งต่างๆแบบสามมิติด้วย เวลาที่เราวาดรูป เราสามารถเห็นมันในหัวของเราได้ก่อนที่สร้างสิ่งนั้น “เวลาทำงานประติมากรรมลูกโป่ง เราต้องหารหัสสำคัญที่เป็นsignatureให้เจอ การทำงานเครื่องจักรหรืองานศิลปกรรมจึงเหมือนกันในแง่ที่เราถอดรายละเอียดออกมา จากยากและซับซ้อนให้ง่ายขึ้น โดยเห็นความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน แยกชิ้นส่วนออกมาว่าอะไรเกี่ยวข้องกันอย่างไร ลายของม้าลายต่างกับลายของเสือดาวอย่างไร ทุกอย่างมีรหัสของมันเองเหมือนบาร์โค้ด ถ้าถอดรหัสได้ เราจะรู้ว่าอะไรคือหัวใจสำคัญ แล้วขยายความสำคัญนั้นออกมา” ทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วยจินตนาการ ความท้าทายของการทำงานประติมากรรมลูกโป่งคือการสร้างศิลปะจากความว่างเปล่า ทั้งพื้นที่ว่างเปล่า การนำเสนอความคิดที่ไม่เคยมีสิ่งอ้างอิงมาก่อน แม้แต่ลมในลูกโป่งก็ยังเป็นความว่างเปล่า การปรากฏขึ้นของงานประติมากรรมลูกโป่งจึงเป็นคล้ายดั่งเวทมนต์ที่ผู้วิเศษสร้างสรรค์ขึ้นโดยแท้ “ผมทำงานแล้วชอบเอาชนะ ในความหมายที่ว่าต้องดีกว่า สวยกว่างานที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เวลารับงานเราจะศึกษาว่าก่อนหน้านี้ทั้งโลกเขาทำแบบไหน เราไม่ใช่ศิลปินที่จะวาดภาพขึ้นมา แต่ต้องวาดนิมิตของลูกค้าให้ได้ ตัวอย่างเช่นงานนกยูง เราต้องศึกษาว่านกยูงแบบไหนที่ตัวใหญ่ ค้นคว้าว่านกยูงของทั้งโลกทั้งที่เป็นกระดาษ เป็นกระเบื้อง เป็นตุ๊กตา เป็นลูกโป่ง เป็นภาพวาด นกยูงเหล่านี้เป็นยังไง แล้วถ้าเราต้องสร้างนกยูงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เราอยากให้มันถูกจดจำว่านี่คืออีกครั้งหนึ่งที่มีคนสร้างนกยูงขึ้นมา นิยามการทำงานของเราจึงเป็นการทำให้ดีกว่าสิ่งที่เคยมีมาเสมอ “ครั้งหนึ่งเราทำมังกรตัวสีเขียวที่ดูดุดันมาก เพราะทำงานทุกครั้งเราต้องการแตกต่าง จึงสร้างโจทย์ว่าจะสร้างมังกรดุดันจากลูกโป่งที่นุ่มนวลได้อย่างไรเราเคยทำหน้าหนุมานแบบลายไทย เพราะฉะนั้นงานลูกโป่งจึงไม่จำเป็นต้องมุ้งมิ้งเสมอไป แต่ทุกชิ้นสามารถมีความพิเศษได้ในแบบของตัวเอง โดยที่เราต้องหาสิ่งนั้นให้พบ “ลูกโป่งเป็นเรื่องของจินตนาการ เวลาที่เราเป่าลมใส่ลูกโป่ง มันทำให้เราเห็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากการไม่มีอะไร ข้างในลูกโป่งก็ไม่มีอะไร เราแค่เป่าลม แล้วมาประกอบรูปทรง นี่คืออากาศ นี่คือจินตนาการ จากอากาศกลายเป็นประติมากรรม มันคือจินตนาการขนาดใหญ่ ดังนั้นจินตนาการจึงมองจากมุมไหนก็ได้ เหมือนกับเราเอาอากาศรอบตัวใส่เข้าไปในลูกโป่ง จินตนาการก็อยู่รอบตัวเราเสมอ เพียงแต่ว่าเราสามารถสร้างสรรค์ ปะติดปะต่อจินตนาการได้ขนาดไหนเท่านั้นเอง” ผู้ส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม แม้ว่างานประติมากรรมลูกโป่งอาจดูเหมือนเป็นงานศิลปะที่วางอยู่กับที่ แต่ในฐานะนักสร้างสรรค์ผลงานแล้ว คุณวรสรวงมองเห็นทุกสิ่งเป็นเรื่องราวโลดเล่นเคลื่อนไหว และเชื่อมั่นว่าผู้ชมแต่ละคนสามารถตีความและสร้างประสบการณ์ความสุขในแบบของตัวเองได้ แม้ว่าจะมองในสิ่งเดียวกันก็ตาม พื้นที่งานประติมากรรมลูกโป่งจึงเป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์ความสุขที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของเรื่องราวของตนเองได้อย่างไร้ข้อจำกัด “สำหรับผม งานประติมากรรมลูกโป่งเป็นเหมือนภาพเคลื่อนไหวของจินตนาการ แต่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นวัตถุที่อยู่นิ่งและสื่อสารอารมณ์หลายๆอย่าง แต่โดยมากแล้วมักเป็นการสื่อสารความสุข ในชีวิตของคนทุกคน เราเจออะไรหนักๆมาเยอะแล้ว การที่ได้หยุดกับอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นควรให้ความสุขกับเขาได้ พ่อของผมชอบจัดสวน ชอบจัดต้นไม้มาก พ่อเคยพูดว่า เวลาจัดสวน มันต้องมีสักมุมที่ทำให้เรายิ้มกับมันได้ ผมได้สิ่งนั้นมาจากพ่อ ทุกครั้งที่เราวางภาพ วางองค์ประกอบทุกอย่าง มันต้องสร้างรอยยิ้มได้ด้วยเรื่องราวในใจ แม้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นจะอยู่นิ่งกับที่ก็ตาม “ความสุขของการทำลูกโป่ง ( ซึ่งส่วนใหญ่เราทำในห้างสรรพสินค้า ) คือแววตาของคนที่เขามาหยุด..ยืน..ยิ้ม.. แล้วค่อยๆหยิบมือถือมาถ่าย สำหรับเรานี่คือความสุข ยิ่งทำก็ยิ่งได้เห็นความสุขของผู้คน ล่าสุดที่หาดใหญ่ เราทำประติมากรรมนางเงือก มีอาจารย์คนหนึ่งมาหยุดยืนแล้วพูดอยู่คนเดียว ‘เยี่ยม..เยี่ยมมาก.. สวยงามมาก’ (ยิ้มตื้นตัน) สำหรับผมมันจบเลยนะ เขาไม่ต้องรู้หรอกว่าใครทำ ไม่ต้องพูดอะไรกับผม เพราะแค่นี้มันเพียงพอแล้วจริงๆ (ยิ้ม) “การได้เห็นคนอื่นมีความสุขจากงานของเรา ทำให้เรามีความสุขอยู่แล้ว มากกว่านั้นมันคือความสุขที่ได้ลงมือทำ ความสุขที่ได้เห็นตั้งแต่เริ่ม ความตื่นเต้นว่างานจะเป็นอย่างที่คิดไหม ความตื่นเต้นที่ได้แก้ปัญหา แก้ไปแล้วจะรอดไหม เราเลยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แต่พอคิดจริงๆแล้วคงไม่ใช่โชคหรอก มันคือการที่เรามองหาสิ่งที่อยู่ข้างๆ รอบๆตัวแล้วนำมาใช้ ชีวิตเราก็มีความสุข แล้วก็ส่งมอบความสุขนั้นออกไปอีกทอดหนึ่ง” การงานและทีมงานแห่งความรัก ทีมดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เคล็บลับข้อนี้น่าจะเป็นหนึ่งในหัวใจที่สำคัญที่สุดของบอลลูนอาร์ต ภายใต้เบื้องหลังความงามและรอยยิ้มของผู้ชมงานศิลปะนั้นแลกมาด้วยความทุ่มเทอุตสาหะของทีมงานเบื้องหลังทุกคน-ผู้ขับเคลื่อนชีวิตและการทำงานด้วยความรักในสิ่งที่ทำอย่างแท้จริง “หนึ่งในความท้าทายของการทำงานคือการสื่อสารกับลูกค้าในสิ่งที่ยังไม่เคยมีมาก่อน หลายครั้งเรานำเสนองานลูกค้าโดยไม่ได้มีพรีเซนเทชั่น ไม่มีทรีดี แค่ทำมือให้ดูว่าขนาดนั้นขนาดนี้ อะไรอยู่ตรงไหน ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วจะเห็นอะไร เราจะสื่อสารเข้าไปในหัวใจเขาได้ยังไง จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทำอย่างไรให้เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาไม่เห็นมาก่อน...ตรงนี้ยาก เราต้องเห็นฝันของเขา เช่นว่า เขาต้องการการมีคนมายืนยิ้มเยอะๆ ถ่ายรูปรอยยิ้ม ไปเรียกเพื่อนมายืนยิ้มด้วยกันอีก เป็นพื้นที่การสร้างความสุขที่ไม่ซ้ำแบบกัน ดึงดูดคนเข้ามาเรื่อยๆ และความท้าทายต่อมาคือการทำสำเร็จเหมือนที่เราฝันและสื่อสารกับลูกค้าเอาไว้ เป็นความสำเร็จที่เกิดจากก้าวเล็กๆที่ค่อยๆใหญ่ขึ้น “ตัวเราต้องมีจินตนาการและเห็นสิ่งนั้นก่อนในสิ่งที่เขาไม่เห็นและเราต้องมีรสนิยมของจินตนาการด้วย ตัวอย่างเช่น เราออกแบบนกยูงตัวใหญ่ 13 เมตร หางนกยูงรำแพนออกมากลายเป็นสวนดอกไม้ ถ้ามองด้านล่างเหมือนสวนดอกไม้ แต่ถ้ามองจากด้านบนเหมือนหางนกยูงที่รำแพนอยู่ ถ้าเราพูดว่ามันจะเป็นอะไร เราทำได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเจ็บปวด ลำบาก ผิดพลาดแค่ไหน ไม่ว่าจะทำงานหามรุ่งหามค่ำยังไง งานจะต้องจบ นี่คือสิ่งที่ลูกค้าเชื่อมั่น เมื่องานเสร็จถึงเป็นความสำเร็จ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากผมคนเดียว แต่มาจากทีม ทุกคนเป็นหนึ่งกลไกของความสำเร็จร่วมกัน “โชคดีที่บอลลูนอาร์ตเป็นบริษัทใหญ่ เรามีทีมทำลูกโป่งหลายทีม ทีมที่หนึ่งไปถึงจะเป่าลูกโป่งเอาไว้ สีอะไร ขนาดเท่าไร จำนวนกี่ใบ ทีมที่สองมาผูกลูกโป่งไว้คร่าวๆ ทีมที่สามเข้ามาประกอบร่าง ต้องมีทีมกลางวัน ทีมกลางคืน แลกเปลี่ยนคนเข้าออก หลายคนมองว่าธุรกิจลูกโป่งคือหวานๆ แต่ไม่เลย จริงๆแล้วมันคือสมรภูมิ (หัวเราะ) เป็นสมรภูมิแห่งความสุข เมื่อบอกว่าเสร็จกี่โมง ถึงเวลานั้นต้องเสร็จ ผมเป็นคนออกแบบ แล้วมาเก็บรายละเอียด เราไม่มีข้อจำกัดเชิงวิธีการ หน้าที่คือทำยังไงก็ได้ให้เป็นเหมือนจินตนาการนั้นที่สุด จึงทำให้เราเกิดศักยภาพแบบก้าวกระโดดขึ้นทุกครั้งที่เราแก้ปัญหา ดังนั้นคนทำงานแบบนี้ต้องมีเป้าหมายเดียวกัน เคารพกัน มีความเป็นทีมเวิร์คสูง และที่ผ่านมาทีมงานบอลลูนอาร์ตอยู่กันแบบยาวนานมาก...เป็นยี่สิบปีก็มี พวกเราจึงเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน” ส่ง “ว้าว” ไม่มีวันสิ้นสุด ตลอดเวลากว่า30 ปี บอลลูนอาร์ตได้นำพาธุรกิจลูกโป่งมาไกลกว่าที่ใครคาดคิดมากมายนัก โดยเฉพาะการสร้างสรรค์งานประติมากรรมลูกโป่งที่มีโอกาสอวดโฉมและได้รางวัลจากเวทีนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง ยืนยันให้โลกรู้ว่าคนไทยนั้นเก่งและมีศักยภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก บนเส้นทางแห่งการเดินอันยาวนาน อะไรเป็นความหวังตั้งใจนับจากนี้ “ที่ผ่านมาบอลลูนอาร์ตเปรียบเหมือนเด็กที่อยากเล่นและได้เล่นสนุก แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เริ่มมองมิติที่มากไปกว่าความสนุก อย่างเช่นการเป็นพี่เลี้ยงร้านลูกโป่งอื่นๆอีก 700 ร้านค้า การสอน การแบ่งปันความรู้เรื่องการทำลูกโป่ง เพราะเขาเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว การสอนให้คนอื่นทำถูกต้อง ย่อมดีกว่าปล่อยให้ทำผิดๆ เมื่อเราเป็นพี่ใหญ่ เราเดินได้เร็วกว่า เรามาแบ่งปันเพื่อให้เขามีแรงบันดาลใจที่จะโตต่อไปได้ในอนาคต “เราเลือกได้ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ในภูเขาที่เหี้ยนเตียน หรือจะเป็นต้นไม้ในป่าเขียวชอุ่ม ถ้าเราสร้างคนที่ทำงานธุรกิจลูกโป่ง ลูกค้ายังมีความต้องการลูกโป่ง เราก็เหมือนเป็นต้นไม้ที่ทำให้ผืนดินชุ่มชื้นด้วยลูกโป่งตลอดไป ดีกว่าใหญ่อยู่ต้นเดียว พอเราหยุดแล้วทุกอย่างจะเหี่ยวเฉา “เรามีความสุขในการทำงาน เรามีความสุขที่ผู้คนจดจำได้ว่านี่คืองานของบอลลูนอาร์ต เวลาเอารถของบริษัทไปไหน คนจำได้ว่าพวกเราคือคนที่ทำงานด้านลูกโป่ง แต่สำหรับผม บอลลูนอาร์ตเราไปไกลกว่าลูกโป่ง ไปไกลกว่าบอลลูนมากแล้ว เพราะลึกลงไปข้างใน มันคือความสุข เพราะฉะนั้นธุรกิจที่สร้างความสุขมันคือตัวเราทั้งนั้น ซึ่งอาจเป็นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทุกวันที่เราตื่นขึ้นมา เรารู้สึกดีเสมอที่เรามีอะไรบางอย่างต้องทำ ทำด้วยความสุข และมีทีมที่พร้อมจะไปกับเราตลอดเวลา” และนี่อาจเป็นสิ่งวิเศษที่สุดที่มนุษย์ทุกคนตามหาดั่งคำกล่าวที่ว่า “ผู้ให้สุขย่อมได้รับสุขกลับคืน” ความรักจึงเป็นแรงเคลื่อนที่ทำให้โลกนี้หมุนไปได้อย่างงดงามเสมอมา






